.
..เมื่อใดที่งานมีปัญหา เราจะเจอบุคคล2ประเภท..
ประเภทที่1 น้องใหม่ชอบแก้ตัว สมมติน้องใหม่คนนี้เป็นช่างภาพ
แต่ถ่ายภาพมาไม่ครบทุกเหตุการณ์ เมื่อถามถึงเหตุผล ..(มาช่วยกันฟัง)
-
แบตกล้องหมด ( เหตุผลใช้ได้ ...แต่แบตสำรองก็มีทำไมไม่เปลี่ยนแล้วถ่ายต่อ)
-
การ์ดบันทึกเต็ม ( เหตุผลพอไหว..แต่การ์ดสำรองก็มีในกระเป๋ากล้อง)
-
หลอดไฟขาด ภาพมืดเลยไม่ถ่าย , ขากล้องตัวล็อกหัก , ถ่ายไปเยอะแต่เห็นใช้นิดเดียว,เนื้อเรื่องไม่น่าสนใจ ฯ (นี่คือคำพูดจริงที่น้องใหม่ให้เหตุผลในการถ่ายภาพมาไม่ครบ...ยิ่งฟังยิ่งเหนื่อย)
- ประเภทที่2 พี่คนเก่งชอบโยน (ความผิดให้คนอื่น)สมมติพี่คนเก่งเป็นช่างภาพเหมือนกัน
ถ่ายภาพมาครบทุกเหตุการณ์แต่ภาพไม่สวย ใช้ไม่ได้ (เหตุผลคล้ายแต่ไม่เหมือน)
- คนจัดแสงไม่เก่ง ภาพเลยมืด
- คนกำกับไม่เป็น ทำให้ตัวละครยืนบังกัน ภาพเลยใช้ไม่ได้
- ผู้ช่วยกลัองไม่ปรับขากล้อง ทำให้ภาพหัวคนที่ถ่ายขาดไปครึ่ง
...จะสังเกตุได้ว่า ลักษณะของบุคคล2ประเภทนี้ต่างกันที่ต้นเหตุ (ความคิด)
แต่ผลที่ได้ออกมาเหมือนกันคือ งานของบริษัทเสียหาย ..อ่านมาถึงตรงนี้ อยากให้คุณหยุดคิด ...ก่อนอ่านต่อไป - รู้ไม๊คับ 2คนนี้มีลักษณะต่างกันอย่างไร?
- และคุณคิดว่า ใครโหดกว่ากัน
.....ให้เวลาคิดคับ...(ไม่อยากคิดก็รีบอ่านต่อ)
.
..สำหรับน้องใหม่ชอบแก้ตัว คือ รู้ถึงความผิดพลาดที่ไม่ทำ รู้ว่าเสร็จงานแล้วตัวเองจะต้องเจออะไร?
(รู้ทุกอย่างแต่ไม่ทำ) พูดง่ายๆก็คือขี้เกียจทำงาน แก้ปัญหาโดยวิธีง่ายๆก็คือ นั่งหาเหตุผลมาหักล้างความผิดของตน
(ง่ายกว่า) น้องใหม่ลักษณะแบบนี้สังเกตุได้
- ถ่ายภาพไม่ยอมเปลี่ยนมุม ตั้งตรงไหนตั้งตลอด (ขี้เกียจเดิน)
- ขนของใช้แรงงาน หาตัวไม่เจอ คนอื่นขนเสร็จค่อยมาปรากฏตัว(ขี้เกียจขน)
- มีเวลาว่างไม่ยอมทำงานนั่งเฉย ต้องรอให้คนสั่ง(ขี้เกียจทำ)
- ทำงานช้าค่อยๆทำ(ทำเสร็จเร็วต้องทำงานอื่นอีกเยอะ)ฯลฯ
...(.อยากรู้จังว่า ในบริษัทคุณ ตอนนี้มีอยู่กี่คน )...สำหรับน้องใหม่ที่มีความคิดแบบนี้ อยากบอกว่า "อย่าทำเลยและควรรีบปรับตัว"ซะตอนนี้ ที่เจ้าของบริษัทไม่พูดไม่ใช่เพราะไม่รู้เ ขาขี้เกียจพูดอธิบาย อย่างมากก็หาคนประกบคอยจี้ให้ทำงานไม่ให้ขี้เกียจ,
ปล่อยให้ทำไปจนแก่เงินเดือนไม่ขึ้น สุดท้ายหาคนใหม่ได้เมื่อไรก็ค่อยไล่ออก (น้องใหม่ที่เขียนมาปรึกษาว่า
ทำไมชีวิตตัวเองไม่ก้าวหน้า รู้เหตุผลแล้วนะคับ)
..ถามทำไมถึงรู้...
...ก็เพราะทุกคนต้องผ่านการขี้เกียจทำงานมาแล้วทุกคน ..นั่นเอง(ผมก็เคยทำ)...มาถึงพี่คนเก่งชอบโยน(ความผิดไปให้ผู้อื่น เหตุที่เกิดความผิดพลาดด้วยเพราะไม่รู้ )
อาจเป็นเพราะอยากเปลี่ยนแนวการทำงาน(ไม่ได้ศึกษา) คิดว่าทำง่ายๆ เกิดฟลุ๊คงานออกมาดีเราก็รับความชอบ
งานไม่ดีก็โยนให้คนอื่นรับผิด (งานโปรดัคชั่นใครว่ายาก)
ผมจะขออธิบายถึงลักษณะของพี่คนเก่งโดยทั้วไป -
เมื่อรู้ว่าจะเกิดความผิดพลาด จะเข้าไปพูดอธิบายถึงความเสียหาย (เตือนก่อนเกิด)
-
การโยนความผิดให้ผู้อื่น(พี่คนเก่งทั่วไปจะไม่ทำ) เพราะโยนไปแล้วความเสียหายก็ยังอยู่
เกิดทีมงานคนอื่นมารู้ตอนหลังจะไม่มีใครคบด้วย
-
สุดท้ายอาจเป็นเพราะความเกรียน ไปพูดดูถูกทีมงานว่า "ข้าทำหนังสั้นได้รางวัลมานะเฟ้ย
หรือไม่ข้าเรียนผู้กำกับจบจากLA อย่าถามฟังอย่างเดียว" คนทำงานชอบคนเก่งอยู่แล้ว จัดหนักลองทำแบบผิดๆจะรู้ไม๊
...อยากบอกพี่คนเก่งชอบโยนว่า การโยนความผิดให้คนอื่นแม้เขาจะผิดจริงก็ไม่ควรทำ
เพราะเราโยนไปแล้วความผิดเราก็ยังคงมีอยู่ดี (ลืมไปหรือเปล่าว่าเราก็เป็นหนึ่งในทีมงานที่ทำผิด)
เกิดลูกค้าเป็นคนเลือกทีมงานมา งานเข้าเท่ากับด่าลูกค้าไปด้วยเลย
...และตอนนี้ คุณคิดว่าบุคคล2ประเภทนี้ใครโหดกว่ากัน - ประเภท1 น้องใหม่ชอบแก้ตัว.
.รู้แต่ไม่ทำ - ประเภท2 พี่คนเก่งชอบโยน ....
ไม่รู้แต่ทำหรือรู้แต่ยังทำ .
.บริษัทไหนที่มีบุคคล2ประเภทนี้ทำงานอยู่...ผมล่ะหนักใจแทนจริงๆคับ
..เพราะไม่ว่าเหตุผลจะออกมาผิดหรือถูก บริษัทก็เสียหายอยู่ดี ...(โหดเหนือโหด)www.p0p-it.blogspot.com