@@ BATTLE SHIP ในมุมมอง ของ เพื่อนร่วมอาชีพ @@

ส่วนตัวดีใจที่รู้ว่าหนังเรื่องนี้ได้ ปีเตอร์ เบิก มากำกับ เพราะชื่นชอบ firday nigt light มาก พอรับได้กับ KINGDOM แต่มาผิดหวังกับ HANKOCK

สำหรับเรื่องนี้เมื่อได้ดูตัวอย่างหนัง ถึงกับบอกตัวเองว่า พลาดไม่ได้ คณะโปรดิ๊ว ตาคมเลือกผู้กำกับไม่ผิด ยิ่งมาอ่านสัมภาษณ์ในแมคกาซีนก่อนเข้าไปดูหนังไม่กี่ชั่วโมง

ปีเตอร์ เบิก บอกเขาเน้นไปที่ตัวละคร เพราะเห็นตัวอย่างจาก เพื่อนๆ พีๆ ผู้กำกับ อย่าง จอน แฟฟโรว์ กอร์ เวอร์บินสกี้ ทำได้มาแล้วกับ IRON MAN ภาค1 และ ไพเรท ออฟ เดอะคาริเบี้ยน ภาค 1 กับ 2 เพราะฉนั้นรับรองเลยว่า เขาจะเดินตามทางเดียวกัน

ตอนนั้นในใจคิดว่า เอาล่ะวะ ไม่ใช่หนังโชว์เอฟเฟคเหมือนนั่งดูไตเติ้ลเกมขนาดยาว อย่าง ทรานฟอร์เมอร์ แน่ๆ

" อิหลักอิเหลื่อ " คือ นิยามสั้นของผู้เขียนเมื่อได้ดู BATTLE SHIP การพยายามมากเกินไปในการที่จะทำให้คาแรคเตอร์มีความพิเศษเฉพาะตัว เป็นความคิดที่ดีแต่วิธีแบบนั้น ต้องได้นักแสดงพรสวรรค์มาช่วยทำการใหญ่แบบนี้ด้วย

คนที่สอบผ่านรู้สึกจับต้องถึงความพิเศษทุกครั้งที่อยู่เรื่องราวนี้ กลับเป็น นักแสดงชาวญี่ปุ่นอย่าง ทาคาโน่ กลับกันพระเอกที่เกิดจากวงการนายแบบ ต้องยอมรับว่าหน้าตาหล่อเหลาและหุ่นสุดเพอร์เฟ็ค ช่วยเขาได้แค่ 5-10 นาทีในต้นเรื่องเท่านั้น

เพราะหลังจากนั้นเขาไม่ได้ส่งผ่านอารมณ์อะไรเลย แม้กระทั้งตอน (เปิดเผยบางช่วงในหนัง)














ที่พี่ชายตาย ปีเตอร์ เบิก ยังแม่นในการกำกับ เพราะตามคาแรคเตอร์ตัวนี้ จะไม่แสดงออกในทันที แต่นักแสดงควรไปให้ได้มากกว่านั้น ในการที่ทำให้คนดูได้รับรู้ความรู้สึกจริงๆ ที่ถูกซ่อนอยู่

แต่ถ้าจะว่ากันอย่างแฟร์ๆ คงต้องแชร์ไปที่ ปีเตอร์ เบิก ครึ่งหนึ่ง ที่ไม่สามารถดีงหรือช่วยพระเอกของเขา ให้ไปถึงจุดนั้นได้

สรุปง่ายๆคือ พลาดกันตั้งแต่แคสติ้ง ก็ว่าได้ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ่นกับหนังใหญ่เรื่องแรกของผู้เขียน เมื่อ 9 ปีที่แล้ว

หรือ พลาดเพราะ ปีเตอร์ เบิก เลือกแรงบันดาลใจพลาด แต่อย่างว่าผู้เขียนก็มานึกถึงจุดนี้ได้หลังดู BATTLE SHIP จบ ว่าจริงๆแล้วการให้ความสำคัญของคาแรคเตอร์นั้นน่าจะน้อยกว่า การสร้างความกดดันที่หนังอึ้งขึ้นเรื่อยๆในเนื้อเรื่อง เฉกเช่นหนังของผู้กำกับรุ่นอา อย่าง วูลฟ์แกง ปีเตอร์เซ่น กับ DAS BOOT

หรือจะเอาให้ใกล้เคียงความบันเทิงสุดๆ คาแรคเตอร์มีความพิเศษชัดเจน แถมไม่เก่าจนเกินไป ก็หนังของผู้กำกับรุ่นอา อย่าง ปีเตอร์ เวียร์ กับ MASTER & COMMANDER เช่นกัน

หรือจะเอาทั้งความกดดันในเนื่อเรื่องกับความบันเทิงสุดๆ พร้อมกับคาแรคเตอร์มีความพิเศษชัดเจน กับ หนังของผู้กำกับรุ่นพี่ อย่าง โจนาธาน มอสโธว์ กับ U - 571

แหม่ยิ่งเขียน ยิ่งนึกออก นี่ CRIMSON TIDE ของลุง โทนี่ สก๊อต ก็แว่บเข้ามาอีกละ

แต่สิ่งแรกสุดที่แว่บเข้ามาในหัวหลังจากดูซีเคว้น พระเอกไปโขมยแซนวิชไก่ คือ สิ่งผิดพลาดทั้งมวลอาจเกิดจาก คณะโปรดิ๊ว เลือก ผู้กำกับผิด ก็เป็นได้

และเมื่อดูจบ แว่บนั้นก็ยังอยู่ จนต้องมาเขียนให้อ่านกัน



แล้วเจอกันใหม่ เมื่ออยากเขียน

see ya


อต. ก่อนถึงแว่บนั้น ผู้เขียนคิดว่าจะหลอกล่อพ่อยังไงดี เพราะพ่อเป็นทหารเรือวัยเกษียญ ที่ไม่ได้เข้าโรงหนังมานานแล้ว แต่พอถึงฉากบรรดาทหารวัยเกษียญมาช่วยเดินเรือ ความคิดนั้นก็ระเหิดไปโดยทันที

ไว้พ่อ รอดู ยุทธนาวีที่เกาะช้าง ของผู้เขียนละกันนะ ถ้าผู้เขียนวาสนาดีพอ ทำตัวให้พร้อมตลอดเวลาอยู่นานและ อิอิ ขอฝันฟุ้งเคล้าคลุ้งคำโม้หน่อย

เผื่อจะไปสะกิดต่อมเกาะกระแสของ เจ้าแม่หนังคร้านที่ทำหนังเร็วที่สุดในสามโลก

credit : http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11991878/A11991878.html

ปีเตอร์ แบก อิอิอิ

ถึงผมจะไม่ใช่เพื่อนร่วมอาชีพ(เป็นแค่คนตัดต่อ)แต่ขอแสดงความเห็นส่วนตัวหน่อย โดยรวมถือว่าสนุกคุ้มค่าราคา170บาทที่เสียไป หนังเล่าเรื่องกระชับ สนุกแทรกมุขฮาได้ดี แต่ด้วยความที่เล่าเร็วบางทีก็สงสัยว่าพระเอกที่ได้เป็นทหารเรือกลับได้ตำแหน่งสูงเร็วไปรึเปล่า แค่นั้น ที่เหลือชอบหมด

ผมชอบหนังเรื่องนี้เพราะถ่ายด้วยฟิล์มและใช้เลนส์อนามอร์ฟิค ทั้งเรื่อง ฟิล์มแน่นอนกว่าดิจิตอลอยู่แล้ว

ดูสนุก แค่นัั้นพอ ไม่ต้องคิดมากเนอะ

ยังไม่ได้ดู

ดูแล้วก็สนุกดี เกินกว่าที่คาดหวังไว้มากๆ ตอนแรกคิดว่าคงเอาชื่อเกมกระดาน Battleship เกมเดาใจฝ่ายตรงข้ามมาเป็นจุดขายเท่านั้น
ไม่คิดเลยว่าธีมแค่นี้ จะสามารถสร้างเป็นหนังและร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ ได้ขนาดนี้ ก็เป็นการทำหนังอีกมุมหนึ่งที่ต่างออกไปอีกแบบ
ถ้าใครเคยเล่นเกม Battleship สมัยก่อน แล้วมาดูหนังเรื่องนี้จะเข้าใจได้มากขึ้น โดยเอาเนื้อหาของเกมสอดแทรกเข้าไปได้เป็นอย่างดี
ดูให้สนุกและมันส์ อย่าคิดมากเลยนะคับ ... 555

ผมชอบ

ยืดไปหน่อย รอมุขเมื่อย..

และ ...เรื่องราวเยอะไปหน่อย (คือเยอะกว่าที่คาดว่า หนังแบบนี้จะมีเรื่องราวได้ขนาดนี้...)

พลอตเรื่องมันกว้างนะ
มันคงทำยาก  ได้ขนาดนี้ก็ดีโขแล้ว
เอาให้ 101% เป๊ะๆ คงไม่ได้ดูกันในชีวิตนี้ครับ

ผม ชอบ ดูสนุก ผมโอเคละ เพราะผมไม่ได้เป็น Professor ด้านนี้

แต่ผมงงกับฉากเรือ ตอนสุดท้าย มันเป็นเรือปลดระวางไม่ใช่หรอ ทำไมมีอาวุธพร้อมขนาดนั้น?

ผมยังสงสัยว่ามนุษย์ต่างดาวสามารถเดินทางข้ามจักรวาลมาได้ แต่ไม่สามารถสื่อสารกลับบ้านได้ ต้งมาแย่งอุปกรณ์ชาวโลก
อุตส่าห์มากันไกลขนาดนี้ได้ แต่ไม่มีเทคโนโลยีสื่อสาร ฮึมมม สงสัยบ้านมันไม่มี 3G 4G เหมือนบ้านเรา...อิๆๆ
ดีนะมันไม่มาลงที่ประเทศเพื่อนบ้านเรา ไม่งั้นบ้านเรามีได้อายกันล่ะ...เอเลี่ยนแย่ง 4G เพื่อนบ้าน เมินไม่สนใจไทย เหตุเพราะยังส่งสัญญาณแบบ
กระป๋องนมเจาะก้นกันอยู่....(ฮา...อีกรอบ)

พระเอกจากเด็กข้างถนน ใช้ชีวิตไปวันๆๆ วันรุ่งขึ้นเป็นาวิกดยธินฝีมือเยี่ยม สั่งการบนเรือรบได้เลย ยังกับละครหนังภายในจีนเลยครับ สังเกตว่าถ้าหนังต้องอ้างบุญเก่า (Transformer) เตรียม ผิดหวัง  ผมว่าตำ่กว่ามาตราฐานหนังฝรั่งครับ แสงแฟลร์มันมีมากเกินไป จน รู้ว่าจงใจเกินไป

โดยรวมสนุกครับ ตลก shot คุณปู่รุ่นเก๋าไปยืนตามที่ต่างๆของเรือปลดระวาง... ท่าทางจะปีนกันขึ้นไปยากอยู่

ดูเอามันส์สะใจในอารมณ์อย่างเดียวครับ
หนุกดี

ผมชอบตอนที่มันเอารูปแบบเกมส์กระดานมาเล่น กับตอนเรือดริฟท์ครับ

ชอบครับ ตอนที่กลับมาเอาเรือ มิซูรี่ แล้วทำไม น้ำตาซึม บอกไม่ถูก ซึ้งอ่ะ ดู 2 รอบ ก็ไหลเหมือนกัน