สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 12740เข้าชม
  • 35ตอบกลับ

ถ้าได้สร้างภาพยนตร์จะใช้กล้องถ่ายกี่ตัวครับ

ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
25
เงิน
843
ความดี
938
เครดิต
859
จิตพิสัย
1267
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

หนังใหญ่ทำไมชอบใช้กล้องตัวเดียวถ่าย ทำไมไม่ใช้หลายตัวเหมือนละคร  จะใช้หลายตัวเหมือนละครจะผิดไหมครับ

ทราบมาว่าหนังพี่ต้อมยุทธเลิศ ใช้กล้อง2ตัวถ่ายทุกฉากเลย
แล้วสมมุติว่าถ้าได้ทำหนังใหญ่ พี่จะใช้กล้องถ่ายกี่ตัวครับ เอาฉากธรรมดานะครับ ไม่ใช่ฉากใหญ่ๆ ขอทราบเหตุผลด้วยครับ


บทความที่เกี่ยวข้อง

kgb
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
66
เงิน
1204
ความดี
1279
เครดิต
1147
จิตพิสัย
740
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
มันแล้วแต่ผู้กำกับแต่ละท่านที่จะใช้กี่กล้องครับ ส่วนมาที่ภาพยนตร์ใช้กล้องเดียวก็เพราะว่าควบคุมแสงควบคุมอารมณ์การแสดงได้ละเอียดกว่าครับ เพราะทำทีละคัท จะแตกช็อทอะไรก็ง่ายกว่า จัดแสงจัดไฟได้ดีกว่า เพราะไม่ต้องกลัวกล้องตัวที่ 2 ที่ 3 จะแทงมาเห็นไฟครับ

ส่วนหนังที่คุณยุทธเลิศที่ว่าใช้กล้อง 2 ตัวก็คงเพราะสะดวกต่อการตัดต่อครับ ถ้าวางไลน์กล้องเป๊ะจะใช้กี่กล้องก็ได้ แต่ข้อจำกัดก็จะเยอะตามจำนวนกล้องครับ เช่นอย่างที่กล่าวไปข้างต้นและในเรื่องของเนื้อที่การทำงานของแต่ละกล้องด้วยครับ และที่สำคัญการใช้หลายกล้องนักแสดงจะเล่นน้อยเทคลงครับ เพราะมีมุมรับอยู่แล้ว

ส่วนละครโทรทัศน์นั้นใช้วิธี Switching ครับจึงถ่ายหลายกล้องหน่อย เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วครับ เพราะละครโทรทัศน์ระยะทำงานต่อตอนมันสั้นกว่าภาพยนตร์มากครับ ภาพยนตร์บางเรื่องโปรเจคนึงหลายๆ เดือนหรือบางเรื่องเป็นปีครับ เวลาทำงานค่อนข้างเยอะ แต่ละครโทรทัศน์บางเรื่องมีเวลาออกกองรวมตัดต่อแค่เพียงไม่กี่วันครับ ถ่ายไปตัดไปออกอากาศไปครับ จะให้มาบรรจงถ่ายทีละคัทตัดต่อทีละกล้องแบบภาพยนตร์คงไม่ทันครับ อย่างการถ่ายคอนเสิร์ตใหญ่ๆ บางงานก็มีถึง 16-17 กล้องครับ ถ้าคอนเสิร์ตใหญ่จริงๆ และผู้กำกับภาพต้องการมุมกล้องแปลกตาอาจจะมีเกิน 20 กล้องได้ครับแต่ส่วนมากจะใช้วิธีบันทึกทุกกล้องพร้อมกันครับแล้วก็ Switch คร่าวๆ ไว้เป็น Master แล้วก็ไป Post กันตอนหลังเพื่อเก็บรายละเอียดซ่อมแซมกันอีกทีครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
477
เงิน
12331
ความดี
8574
เครดิต
8667
จิตพิสัย
9807
จังหวัด
ขอนแก่น

เหนใจคนตอบ
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ซ่อน
au8ust ความดี +1 2011-10-16 ฮา ๆ
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
18
เงิน
245
ความดี
274
เครดิต
165
จิตพิสัย
109
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ผมชอบกล้องตัวเดียวมากกว่านะงานมันดูละเอียดกว่า
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
350
เงิน
11942
ความดี
10503
เครดิต
10707
จิตพิสัย
10591
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
เพราะว่าใช้กล้องตัวเดียวไงครับ จึงทำให้ภาพยนตร์ ต่างจากละคร ภาพยนตร์มันไม่ได้ต้องการความต่อเนื่องลำดับเป็นวินาทีอย่างในละครแบบตัวละครจะหันซ้ายหันขวาก็มีกล้องคอยรับตลอด แต่ภาพยนตร์จะลำดับเป็นเหตุการณ์มากกว่า ตัวอย่าง ตัวละครจะเดินไปเปิดประตู  ก็อาจมีแค่ 2 คัต คัตแรกถ่ายเท้ากำลังเดิน 2 วิ แล้วคัตต่อมามือกำลังหมุนลูกบิด คนดูก็เข้าใจแล้วว่ามันเดินมาเปิดประตู ละครพยายามทำให้สมจริงเหมือนกับโลกที่เป็นอยู่ แต่ภาพยนตร์คือการสร้างโลกแห่งจินตนาการให้คนดูเชื่อว่ามีอยู่จริง ทั้งที่คนดูเขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีจริง...เป็นที่มาของการเลือกถ่ายในระบบ 24 fps ถ้าอยากรู้เรื่อง Film look ลองพิมพ์ลงในช่องค้นหาได้เลยครับ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน..ตอบตามที่รู้และเข้าใจนะครับ ขอบคุณครับ
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ความดี +1 ซ่อน
noname555 ความดี +1 2013-02-03 -
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
369
เงิน
10013
ความดี
8199
เครดิต
8313
จิตพิสัย
9992
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
กล้องเดียวกล้องไม่ต้องมานั่งซิ้งภาพ ตัดเอาตามสตอรี่บอทเลยง่ายกว่าหลายกล้องอีกครับ
โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
เคยเห็นคนโพสไว้ ถ่ายหนังเมืองนอกต้องใช้ 2 กล้องอย่างตำ่ และในแต่ละซีนต้องถ่ายไม่ตำ่กว่า 4 เทค เพื่อเลือกเทคที่ดีที่สุด สำหรับในไทย สมัยก่อนค่าเช่า
กล้องแพงมาก ทำให้โปรดัคชั่นต้องประหยัดงบ โดยการใช้กล้องเดียว ( แต่ก็แลกมาด้วยงานที่มีคุณภาพ ได้ทุกความต้องการของเจ้าของงาน ) ...
..ปัจจุบัน ตัวกล้องก็ราคาถูกลงมากๆๆๆ รวมถึงค่าเช่าก็ถูกแสนถูก หลายโปรดัคชั่นก็ปรับวิธีการทำงานในแต่ละทีมไป...
  วิธี 1 - ผู้กำกับคนไหน ต้องการเน้นคุณภาพ ก็ยังคงใช้กล้องเดียวอยู่เหมือนเดิม...
  วิธี 2 - ผู้กำกับบางคนไม่เชื่อว่า มีเพียงวิธีที่ 1 เท่านั้น ที่ทำให้งานมีคุณภาพได้ ทำไมเราไม่ใช้หลายกล้อง แล้วเปลี่ยนวิธีการทำงานส่วนอื่นให้ดีขึ้น
             โดยปรับการทำงานให้เหมือนกล้องเดียว เช่น ปรับในส่วนของมุมกล้อง โดยให้กล้องแต่ละตัวทำงานอิสระเคลื่อนไหวได้เหมือนทำงาน
             แบบกล้องเดียว , ปรับในส่วนการตัดต่อ  (ให้เหมือนทำงานแบบกล้องเดียว ) ฯลฯ...
  วิธี 3 - ใช้แบบทั้งวิธี 1 - 2 มาผสมกัน คือเวลาถ่ายใช้หลายกล้อง เป็นมาสเตอร์ ( เล่นเหมือนจริง ) ข้อดีของการใช้หลายกล้องในการถ่ายจริง ทำให้ผู้แสดง
             เล่นง่ายขึ้นเพราะมีผู้ร่วมแสดงอยู่จริง และหากผิดพลาดส่วนใดในการถ่ายทำ ก็ยังคงมีสต๊อกของตัวแสดงทุกคนที่ถ่ายหลายกล้องไว้  และทุกซีนก็จะ
             มีการถ่ายทำซำ้อีกครั้งแบบกล้องเดียว แตกช็อตแยกเอาไว้อีกครั้งด้วยเหมือนกัน ( สำหรับซีนหลายกล้องอาจไม่ใช้ก็ได้ในภายหลังเป็นเพียงเผื่อไว้ )
...เหมือนถ่ายสารคดีในปัจจุบัน ก็จะมีกล้องไปถ่าย 2 ตัวขึ้นไป เพื่อช่วยในการทำงานเร็วขึ้น กล้อง 1 จับกว้าง , กล้อง 2 จับแคบ , แล้วมาแตกช็อตอีกครั้ง
   ถ้ามีเวลาให้ทำงาน แต่ถ้าไม่มีด้วยความจำเป็น ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย...( สำหรับซีนไม่สำคัญเป็นซีนผ่าน )
...น้องภาพนิ่งในปัจจุบัน ก็ปรับตัวตามพี่ๆเช่นกัน ไปถ่ายภาพคู่นอกสถานที่ เดี๋ยวนี้เห็นมี 3-4 กล้อง ช่วยกันรุม...
   - กล้อง 1 ใช้เลนส์ฟิสอาย
   - กล้อง 2 ใช้เลนส์เทเล่แคบหลังละลาย
   - กล้อง 3 ใช้เลนส์พรอทเทรทใกล้
   - กล้อง 4 ใช้เลนส์ไวล์กว้าง
     เรียกว่า แอ๊คชั่นในครั้งหนึ่ง มีภาพ 4 รูปแบบให้ลูกค้าเลือก บางภาพกว้างอาจไม่สวยแต่ใกล้ใช้ได้ หรือบางภาพฟิสอายน่ารักกว่ามุมธรรมดาฯลฯ...
     และเชื่อว่าต่อไปคงได้เห็นการทำงานแบบนี้ คือใช้หลายกล้องถ่ายในซีนเดียว และได้ภาพหลายแบบในการทำงานเพียงครั้งเดียว ..
     ทังนี้....ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้กำกับและทีมงานช่างภาพแต่ละทีม...ของแบบนี้ทางใครทางมัน เลียนแบบกันไม่ได้คับ...
    
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ซ่อน
juufry ความดี +1 2011-10-16 -
โพสต์
834
เงิน
18821
ความดี
15969
เครดิต
16112
จิตพิสัย
16318
จังหวัด
ราชบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!
[ แก้ไขล่าสุดโดย nakas เมื่อ 2011-10-16 11:30 ]
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 2 คะแนน ซ่อน
kgb ความดี +1 2011-10-17 ตรงใจมากครับ
focus ความดี +1 2011-10-16 -
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
250
เงิน
9072
ความดี
7517
เครดิต
7139
จิตพิสัย
8332
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
ขอบคุณครับอ่านทุกคอมเม้นแล้วได้ความรู้อีกมากมายครับ
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
ถ้ามันเป็นฉากแอ็คชั่นที่เกี่ยวกับเอฟเฟ็คมากๆก็น่าใช้กล้องหลายตัวอยู่นะครับ  เพราะ มันเปลืองระเบิด ถ้าจะต้องถ่ายหลายรอบอ่ะ 55
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
287
เงิน
5923
ความดี
6313
เครดิต
6724
จิตพิสัย
6458
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 10#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
ตอบกลับโพส 7 โพสของ (nakas)
ชัดเลย "เพราะตาคนเรา  ไม่มีเฟรมเรท"
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
419
เงิน
8525
ความดี
9056
เครดิต
9181
จิตพิสัย
9251
จังหวัด
ระยอง
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 11#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
อืม!!!!ลึกซึ่ง
โพสต์
1215
เงิน
27382
ความดี
25465
เครดิต
27374
จิตพิสัย
30396
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 12#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-16
อ้างอิง
การจะเลือกใช้เฟรมเรทใด ของกล้อง DSLR  ก็ต้องคำนึงถึงระบบไฟฟ้าที่ใช้จัดแสงด้วย   ว่าการกระพริบของแสงไฟ  มันซิงค์กับเฟรมเรทที่เลือกใช้หรือไม่    หากถ่ายด้วยไฟฟลูออเรสเซ้นต์  ที่ใช้บัลลาสธรรมดา 50Hz    แล้วตั้งเฟรมเรทกล้องเป็น  24 fps  จะเห็นชัดเลยว่า ภาพมีริ้วๆแสง เลื่อนขึ้นตลอดเวลาที่ใช้ไฟดวงนี้  ก็ควรเปลี่ยนเป็น  25 fps   หรือ  50 fps  ซะ  ถ้ายังเป็น Progressive  25p  50p  มันก็จะยังให้การเคลื่อนไหวที่เหมือนกล้องภาพยนตร์อยู่ ไม่จำเป็นต้อง 24 fps   ไม่เชื่อลองดู   ... แต่ถ้าจำเป็นต้องถ่ายที่ 24 fps   ก็ต้องเปลี่ยนไฟครับ  มาใช้เป็น แบบ ฟลิกเกอร์ฟรี   หรือไฟที่ใช้บัลลาสอีเล็กทรอนิกส์ ความถี่สูงกว่า 200 Hz ขึ้นไป  ก็จะซิงค์ได้ทุกเฟรมเรท
.......




อันนี้รู้สึกจะไม่ใช่เท่ใดนักนะครับ การกระพริบไม่ได้เกิดขึ้นจากเฟรมเรทเท่าใดนะครับ แต่เกิดขึ้นจากความไวชัตเตอร์ครับซึ่งมันต่อเนื่องเกี่ยวข้องกันครับ


ว่ากันคร่าวๆนะครับ เฟรมเรทที่ใช้กันทั่วโลกส่วนใหญ่มีอยู่ 2อันครับ คือ


1.   24เฟรม ใช้สำหรับภาพยนต์ เพราะว่าเครื่องฉายภาพยนต์วิ่งอยู่เท่านี้ (จริงๆมันคือ 23.976)
2. ในประเทศที่ใช้ไฟ ความถี่ 50Hz ซึ่งจะเป็นไฟ 220โวลต์ จะใช้การออกอากาศเป็นระบบ PAL 25fps หรือ50i (50P ไม่มีนะครับ) เช่นประเทศไทย ประเทศในยุโรป
3. ประเทศที่ใช้ไฟ 110โวลต์ 60Hz จะใช้การออกอากาศเป็น NTSC 30 fps หรือ 60i ครับ เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา เป็นต้น

ทีนี้จะถามว่า ทำไมต้องใช้เฟรมเรทแบบใดเนี่ย อธิบายกันด้วยวิชาฟิสิกส์ครับ ซึ่งผมสอบตก 55 แต่ก็พอจำได้มาคร่าวๆว่า

ภาพยนต์ 24เฟรม ใช้เครื่องฉายเป็นแบบโปรเกรสซีฟ หมุนฟิล์มผ่านหลอดไฟให้ไปเกิดภาพ มันไม่มีผลอะไรเกี่ยวกับกำลังไฟครับ ยกยอดไป

25 กับ 30 เนี่ย มันมีผลในเครื่องฉายภาพครับ ซึ่งก็คือ โทรทัศน์นั่นเอง เพราะเมื่อก่อน มันเป็นระบบหลอดภาพ ซึ่งมีผลกับความถี่ของกระแสไฟฟ้าครับ ลองกลับไปสังเกตุดูว่า จอมันจะกระพริบครับ ลึกๆเนี่ย ผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่เอาเป็นว่า ถ้าฉายในทีวีรุ่นเก่าที่เป็นหลอดภาพเนี่ย ถ้าเกิด เฟรมเรทไม่ตรง มันจะฉายไม่ได้ครับ เพราะจังหวะการกระพริบมันจะไม่ตรงกัน ต้องมีวิธีแก้อีกมากมาย ส่วนในปัจจุบันนั้น จอเปลี่ยนเป็น LED LCD ซึ่งปัญหาตรงนี้ก็ไม่มีแล้ว

จากเฟรมเรท ก็จะมาถึง ความไวชัตเตอร์ครับ มันมีกฏข้อนึงที่ว่า ความไวชัตเตอร์จะต้องมากกว่า เฟรมเรทเสมอ (หรือ2เท่า ผมไม่แน่ใจครับ ลืมไปแล้ว) ดังนั้น ถ้าในกล้องแคนนอน ถ้าเราถ่ายที่ 24 25 30 ชัตเตอร์จะได้ต่ำสุดที่ 1/30 ครับ ถ้าถ่ายที่ 50 หรือ 60 เฟรม ชัตเตอร์ต่ำสุดจะได้อยู่ที่ 1/60ครับ


ทีนี้ก็เกิดปัญหาหละสิ ถ้าอยากถ่ายที่ 60เฟรมแบบ โปรเกสซีฟ เพื่อเอามาเปลี่ยนเป็น 24เฟรม ให้มันสโลว์เนี่ย แต่ชัตเตอร์มันดันเป็น 1/60 เอ๊ะ ไฟบ้านเรามันเป็น 50Hz นี่นา ไม่มีเงินเช่าฟริคเกอร์ฟรีด้วยสิ(แพงมาก) มีเงินใช้แค่หลอดออสแรมแปะแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด ก็พอมีวิธีครับ เราก็ขยับชัตเตอร์ขึ้นไปสิ ให้มันหารแล้วลงตัวพอดีกับ50 ก็ เป็น1/100ไงหละ 


อ๊ะๆ 1/150หรือเกินนั้นขึ้นไปใช้ไม่ได้นะครับ แม้ว่ามันจะหารลงตัวก็ตาม เพราะว่า ความไวชัตเตอร์มันสูงเกินการกระพริบของหลอดไฟไปแล้วครับ


คร่าวๆประมานนี้ ตกหล่นผิดพลาดอันใด เสริมได้แก้ได้ครับ แต่แค่อยากจะบอกว่า เฟรมเรทไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการเกิดฟริคเกอร์ หรือการกระพริบเป็นริ้วครัว ใช้เท่าไหร่ก็ได้ แค่ใช้ค่าชัตเตอร์ให้มันถูกต้องมันก็จะไม่กระพริบแล้วครับ


แต่ในขั้นตอนการฉายก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ 
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 3 คะแนน ซ่อน
nongflamena ความดี +1 2011-10-17 ^^
purefresh ความดี +1 2011-10-16 ถูกต้องที่สุด
bryan ความดี +1 2011-10-16 -
โลกใบนี้ไม่มีโดเรมอนเราจึงไม่ควรทำตัวเหมือนโนบิตะ
kgb
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
66
เงิน
1204
ความดี
1279
เครดิต
1147
จิตพิสัย
740
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 13#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-17
คนสมัยนี้เข้าใจผิดเรื่อง Filmlook กันมากครับ ไม่จำเป็นต้องเป็น 24P ก็ได้ครับ ที่ฟิล์มใช้ 24 fps ก็เพราะมันเป็นเรทที่ต่ำที่สุดเท่าที่สมองมนุษย์จะแยกออกว่าเป็นภาพเคลื่อนไหวครับ ย้ำว่ามันเป็น "เรทต่ำสุด" นะครับถ้าใช้เยอะกว่านี้ 50 fps 60 fps 100 fps 200 fps 1000 fps มันก็จะดูลื่นขึ้นครับ แต่มันไม่จำเป็น เพราะตามนุษย์สามารถแยกได้ตั้งแต่ 24 fps แล้วครับ จะเปลืองฟิล์มกันไปทำไม ไม่ได้เอามาทำสโลว์ซะหน่อย

ที่ TV แพงๆ เครื่องเล่นแผ่นแพงๆ สมัยนี้สามารถถอดรหัส 24 fps ได้ก็เพราะว่าหนังบางเรื่องมันยังใช้ฟิล์มจริงๆ ถ่ายอยู่ครับ และเขาก็ยังคงใช้ที่ 24 fps กันอยู่ และบางเรื่องก็เทเลซีนลงมาแบบ 24 fps เลยเท่านั้นเองครับ มันไม่ได้ทำให้ภาพเนียนกว่า 25 fps เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เชื่อลองถ่ายมา 2 แบบทั้ง 24P และ 25P ให้ใครก็ได้ดู เชื่อว่าไม่สามารถบอกได้ครับว่าอันไหน 24 fps อันไหน 25 fps

เชื่อว่าการที่ Canon ใส่ความสามารถในการถ่ายที่ 24 fps มาให้ก็เพราะว่า "เผื่อ" ใช้ร่วมกับฟิล์มจริงครับ

ใจความใหญ่ๆ ของ Filmlook คืออารมณ์ของภาพกับภาษาของภาพครับ นอกนั้นพวก แกมม่า โทน อะไรใดๆ เป็นแค่การตกแต่งครับ ถ้าเรายังอยู่เมืองไทย ถ่ายที่เมืองไทย และใช้งานผลงานชิ้นในที่ประเทศไทย ถ่ายที่ 25P ดีกว่าครับ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องแปลงกลับไปกลับมาเพื่อดูบนโทรทัศน์บ้านเรา

ขอโทษหากความเข้าใจของผมผิดไป แต่จริงๆ มันเป็นอย่างนั้นครับ
โพสต์
834
เงิน
18821
ความดี
15969
เครดิต
16112
จิตพิสัย
16318
จังหวัด
ราชบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 14#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-17
กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!
[ แก้ไขล่าสุดโดย nakas เมื่อ 2011-10-17 13:44 ]
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้