ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยครับเรื่อง Wedding Studio ที่ให้ฟรีวีดีโอวันงาน

ถ้าขายงานแล้วลูกค้าบอกว่า Wedding Studio แถมวีดีโอวันงานแล้ว (ปัจจุบันแถมCinematographyแล้วด้วย) ขอเวลาตัดสินใจ คุณจะรู้สึกอย่างไร
ถ้าลูกค้าบอกว่า วีดีโอไม่เห็นจำเป็นเลย ถ่ายแต่รูปก็พอ หรือทำแต่พรีเซนก็ได้ (ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่าวีดีโอคงเป็นแบบอะไรที่ไม่มีใครอยากดู) คุณจะคิดยังไง
ถ้าStudio Wedding จ้างคุณถ่ายงานพร้อมตัดต่อในราคา 3500-5000 บาท เพื่อเป็นของแถมลูกค้า คุณยอมทำให้มั้ย แล้วคุณภาพงานจะเป็นยังไง
ถ้าคุณอยากให้งานวีดีโอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานแต่งงานในปัจจุบันคุณคิดว่าต้องทำยังไง

ยังมีอีกหลายคำถามไว้มาต่อครับเอาแค่นี้ก่อน

ประเด็นต่อไปที่สำคัญ
หลายๆครั้งลูกค้าส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเห็นงาน วีดีโอดีดี โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัดและลูกค้าที่ไม่ได้หาข้อมูลทาง net
จึงทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าวีดีโอวันงานที่ Wedding Studio แถมให้ก็พอแล้ว แต่ถ้าลูกค้าได้มาเห็นวีดีโอดีดี กลับมานึกเสียดายทีหลัง
เพราะเนื่องจาก Wedding Studio ปิดการขายโดยที่ไม่ได้ให้ทางเลือกสำหรับงานวีดีโอดีดีให้กับลูกค้า
เนื่องจาก Wedding Studio ส่วนใหญ่ปัจจุบันยังไม่มีทีมวีดีโอที่เก่งและราคาถูกจึงไม่เปิดการขายงาน เพราะทำให้ได้กำไลน้อย
ถ้าหาวีดีโอดีดีมาให้ลูกค้าดูบางที่ Pack ใหญ่ๆอาจขายไม่ได้ เพราะลูกค้าอยากได้วีดีโอดีดีด้วยจึงตัดงบบางอย่างที่สำคัญกว่าวีดีโอออกไป
ด้วยเหตุนี้ทำให้งานวีดีโอจึงไม่ได้เป็นงานที่จำเป็นของลูกค้า เพราะไม่ถูกเปิดการขายจาก Wedding Studio ซึ่งจริงๆแล้วงานวีดีโอมันจำเป็นพอพอกับภาพนิ่งด้วยซ้ำ
และวีดีโอบางตัวของทีมงานที่มีคุณภาพลูกค้าคงมองว่าจ่ายเงินให้วีดีโอของทีมนี้ดีกว่าเสียงเงินให้กับWedding Studioที่เคยจ้างดีกว่าอีก
แต่กลับทำไม่ได้เพราะงานได้ผ่านไปแล้ว

ที่บอกมาทั้งหมดอยากให้ทุกท่านได้ทำงานวีดีโอให้ลูกค้าได้เห็นว่าวีดีโอต้องจ้างทีมวีดีโอที่มีคุณภาพ
ไม่ใช่เชื่อคำของ Wedding Studio ว่าทีมไหนก็เหมือนกันโดยเอาตัวอย่างภาพถ่ายที่ถูกปรับแต่งอย่างดี
มาเป็นการันตีว่าถ่ายภาพสวยงานวีดีโอก็สวยเช่นกัน ซึ่งอยากให้พีน้องทุกท่านร่วมกันแสดงความคิดเห็นประเด็นนี้หน่อยครับ
สงสารลูกค้าที่ไม่มีโอกาสได้เห็นงานวีดีโอดีดี และเวทนาคนทำงานวีดีโอที่ต้องถูกแย่งลูกค้าไปโดยที่ยังไม่มีโอกาสเปิดการขายเลยด้วย
ผมเองมีเคยแนวความคิดว่าคงจะเปิด Wedding Studio สำหรับงานวีดีโอโดยเฉพาะและจัดPackแถมภาพนิ่งวันงานด้วยซ้ำเพราะด้วยเหตุทั้งหมดนี้

ไม่ทำดีกว่าลดคุณภาพงานครับ
ไม่น่าจะมีcinematographyจริงๆที่เป็นของแถมครับ
น่าจะมาจากความเข้าใจว่า DSLRเอามาถ่าย ก็เรียกcinematography
แต่จริงๆหากสามารถสร้างจุดขายในตัวงานได้ งานมีCreative
ตัวคนทำสร้าง Brand ได้ ก็น่าจะไม่กระทบอะไร เป็นกลไกตลาดปกติ ที่เทคโนโลยีเอื้ออำนวย
สินค้าได้รับความสนใจ ราคาขายดึงดูด คนผลิตเพิ่มมากขึ้น...

ยกตัวอย่าง
ชาเขียว อยู่ในตลาดมานาน โออิชิ สร้างแบรนด์ได้ ขายราคาเดิม
แบรนด์อื่น ถูกกว่า ทำการตลาดยังไง ก็เจ๊งบ้าง ขายไม่ดีบ้าง...

คนที่ยอมรับราคา 3500-5000 ก็ลำบากครับ เพราะตัวเปรียบเทียบไม่ได้ทำง่าย
(ราคาเท่ากับวีดีโอ ที่Weddingชอบใช้จ้างfreelance4-5ปีก่อนเลย)
สู้ๆกันนะครับ ผมคนนึงไม่ทำ ไม่ใช่ไม่อยากตอบแทนลูกค้า ไม่ใช่วิชานี้ราคาแพง
แต่ทำแบบนั้นแล้วได้อะไร พังกันหมดทั้งกลไก
แต่อาจอาจเป็นการสร้าง Section ใหม่ขึ้นมาเพิ่มความสับสนให้ลูกค้า ซึ่งก็เป็นปกติ ตามกลไกตลาดครับ
หากสู้เรื่อง Quility ไม่ได้ ก็ Pricing เอวัง
ดังนั้น ก็ต้องพิจารณากันเอาเองนะครับ ว่าเราจะเป็น Product ใน Section ไหน

ผมว่ากลไกตลาดก็แปรเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยี
มันก็จริงครับที่บางคนเค้าก็ไม่ชอบหรอก ถ่ายวิดีโอ ต่อให้งานมันดีระดับไหน
ก็เหอะ เราไปยัดเยียดให้เขาชอบไม่ได้ แต่ธุรกิจก็ต้องหาทางออกเพื่อดึงลูกค้า
สไตล์ลดแลกแจกแถม แล้วยิ่งเรื่องเทคโนโลยีมันเข้าถึงขนาดเมื่อก่อนแค่เรื่อง
ทำสไลด์ภาพเคลื่อนไหวพื้นๆ ยังเป็นเรื่องยาก แต่เดี๋ยวนี้ดูสิ

แค่เด็กอนุบาลใช้โปรแกรมไม่กี่คลิกก็ทำได้สวยกว่าไอ้สตูดิโอราคาแพงบางเจ้า
เสียอีก ส่วนเรื่องครีเอทีฟลูกค้าระดับล่างๆเค้าก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก
เพราะเห็นว่ามันไม่จำเป็นสำหรับเค้า

ทีนี้ตลาดก็จะเป็นคนเลือกเองว่า โปรดักส์ไหนน่าสน และคุ้มค่าที่สุด

ลูกค้ามีหลายประเภทครับ มีแบบไม่สนใจ (สนแต่ราคาอย่างเดียว)
กับแบบที่เข้าใจงาน ยอมเสียในราคาสูงมากเพื่อให้ได้งานที่ดี


product ของเรา ไม่ตรงกับความต้องการของเขา เท่านั้นเองครับ

ของดี ไม่ถูก
ของถูก ไม่ดี

ลูกค้ามีหลายระดับครับ ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน  
วีดีโอที่สตูแถมให้ ส่วนใหญ่ก็เป็นวีดีโอพิธีการครับ ถ่ายบรรยากาศทั่วๆไป มีคัตชนใส่เพลง ให้เปิดดูกันเล่นๆ
ผมก็คนนึงครับ ที่รับงานจากสตูฯ  ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ  ในราคาที่คุณบอกมา งานส่วนใหญ่ ก็ไปเป็นคู่ ภาพนิ่ง วีดีโอ
เจอคำถามแบบนี้บ่อยเหมือนกันครับ  
หลักๆ ลูกค้าก็จะถามว่า
- มันต่างกันยังไง ระหว่าง ถ่ายพิธีการ กับ แนว Cinematography  กับเงินที่ต้องเสียเพิ่มอีกระดับหมื่น
- เพิ่มตากล้องภาพนิ่ง 2-3 คน จะได้อะไรบ้าง

ผมก็ได้แต่ส่งตัวอย่างให้ดูครับ  ไม่อยากเสนอการขายมาก  เพราะลูกค้าที่จบมาจากสตูแล้ว คงไม่อยากเสียอะไรเพิ่มโดยไม่จำเป็น
แต่บางเคสก็สนใจนะครับ จ้างตากล้องเพิ่มบ้าง หามาเองบ้าง บางงานผมยังไปเจอคนรู้จักโดยมิได้นัดหมาย


ส่วนถ้าสตูมาจ้างในราคานั้น ผมแฮปปี้นะ ถือว่าได้ราคาในระดับนึงเลย แต่คงต้องคุยกันก่อน ว่าวีดีโอถ่ายแบบไหน ถ้าถ่ายพิธีการ ก็โอเค
แต่ถ้าต้องการแบบCinema คงไม่ไหว ราคานี้ คงไปได้แค่คนเดียว แล้วงานที่ออกมาคงไม่ดีแน่
(ซึ่งสตูส่วนใหญ่ ก็ต้องการแค่ถ่ายพิธีการครับ)

ความคิดความชอบคน คงเปลี่ยนยากครับ  ลูกค้าต้องการแค่นี้ ให้มากกว่านี้ คิดแล้วปวดหัวไปเปล่าๆ

แค่ Product ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เท่านั้นเองครับ

แล้วแต่ลูกค้าครับ แต่ถ้าจะให้รับ 3500-5000 มันก็เกินไป มันคล้ายๆกับว่าลดศักดิ์ศรีตัวเองด้วยครับ(อันนนี้เป็ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) อุปกรณ์บางตัว หรือทุกตัวที่ใช้มีราคาทั้งนั้น ไหนจะต้องเสียมันสมองมาคิดอีก มันไม่คุ้มครับ เป็นผม ผมไม่รับครับ

ผมว่าที่นี้เป็นศูนย์รวมของบรรดาเซียนทั้งหลายน่าจะมีการเสนอราคากลางกันนะครับว่า
presentation/ highlights ราคาเท่าไร ลูกค้าต่อรองน่าจะลดให้กี่เปอร์เซ็น
อยากให้แข่งกันที่คุณภาพงาน ไม่ใช้มาตัดราคากันเองครับ
มีงาน Pre wedding สวยๆมาให้ดูครับ

http://vimeo.com/18871562

แถมให้อีกอัน เพื่อให้ลูกค้าดูว่างานของเราประมาณนี้

http://vimeo.com/17391866

ถ้าตั้งคำถามควบคู่ไปด้วยก็ดีครับ ว่า "แล้วเราได้มีความพยายามที่จะ [[แตกต่าง]] จากงาน 3500 หรือยัง"

ผมว่าจุดนี้หละยากครับ อุปกรณืใครมีกำลังก็หาซื้อได้ HDSLR ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปครับ

แต่งานคุณภาพ ก็ยังคงไกลตัวอยู่ เหมือนวงการภาพนิ่งหละมั๊งครับ ใครมีเงินก็ซื้อ เลนส์ 1.2 ได้ แต่ จะมีใครหละ ที่ถ่ายเลนส์ 1.2 แล้วออกมาสวยมีสติ

ถ้าให้แสดงความเห็น ในข้อที่ว่าจะยอมถ่ายไหมที่ราคา 3000-3500 ตอบคือ ไม่ถ่ายครับ

ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อลูกค้าบอกว่า วิดีโอแถมมาแล้วจากสตู ... ตอบคือ บอกตัวเองว่า "ไอ้พวกโลว์คลาส" ครับ อิอิ

     ลูกค้าระดับทั่วๆไป ต่างก็อยากได้ของถูก ผมว่าผู้ร่วมอาชีพในแต่ละท้องที่ น่าจะจัดตั้งชมรม สมาคม ขึ้นมา ที่จังหวัดผมอยู่ งานด้านวีดีโอ ภาพนิ่ง สิ่งพิมพ์ กราฟฟิคดีไซน์  ต่างคนต่างตัดราคา ลดสะบั้นหั่นแหลก จนไม่เหลืออะไร  คนที่ได้งาน พอลดราคา ก็ลดคุณภาพงาน แล้วบอกทำตามราคา ปัจจุบน
ราคางานที่พี่ว่า 3500-5000 บาท  จะกลายเป็นมาตราฐานอยู่แล้วในท้องถิ่นผม

โลกมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปีหน้าก็คงมีเด็กใหม่ๆโดดลงมาทำอีกเยอะ พอมีมากเกินความต้องการ ก็คงลงมาสู้กันที่ราคาครับ
มันเป็นกลไกตลาด  demand - supply

ผมว่าน่าจะมีทางเลือก 3 ทางน่ะ คือ 1.ลงไปอยู่ในกลุ่มตลาดล่าง 2.ถีบขึ้นไปตลาดบน สูงทั้งคุณภาพและราคา 3. เลิกทำไม่คุ้ม

ผมเป็นมือใหม่ ยังไม่สามารถทำงานมาขายในราคาสูงๆได้ แต่ตั้งใจเลือกข้อ 2 และจะลองพยายามดูซักตั้งครับ

..ความเห็นส่วนตัว แบบมือใหม่ ผิดถูกยังไง ชี้แนะได้ครับ ^^

ทำงานของเราให้ออกมาดีๆ ครับ แล้วราคามันจะขยับตามคุณภาพงานครับ
ทำอะไรอย่าสักแต่ว่าทำ แต่จงทำให้ดีที่สุดครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ เราต้องร่วมมือกันอย่างไรดีละครับ

ทำกันวงเล็กๆก่อนดีไหมครับ เอาเฉพาะใน พื้นที่ของคุณ ลองพบปะพูดคุย กับคนที่มีหัวคิดหน่อยนะครับ ย้ำนะ ว่ามีหัวคิด ...

ลองดูครับ ลองระดมสมอง ให้เกิดความคิดสว่างว่า เส้นทางเดินยังอีกไหล และมีอนาคตเลี้ยงตัวได้

ผมว่าบางทีบางคนมองภาพกว้างไม่ออก เอะอะได้ตังก็เอาไว้ก่อน งัยครับ