สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 11703เข้าชม
  • 20ตอบกลับ

อยากเป็นพนักงานตัดต่อ เรามีแนวทางง่ายๆในการทำงานให้คุณ..

โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

มีพี่ๆเจ้าของบริษัทขอยืมบทความไปสอนน้องใหม่( พนักงานใหม่) ดีใจจังที่มีประโยชน์ แต่ลงท้ายว่าที่เขียนมามีช่างภาพกำกับเขียนบทเหลือแผนกตัดต่อ
อยากให้เขียนเพิ่ม...ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจสักนิดก่อนว่า สำหรับงานตัดต่อ.. ที่เป็นโฆษณา .. เป็นMV หรือ..พวกหนังสั้น  ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ 
เพราะส่วนมากมักจะมีสตอรี่บอร์ดมาให้ดู หรือไม่ก็ถ่ายตามเรื่องราวอยู่แล้ว แต่ที่ห่วงก็คือการตัดต่อแนวสารคดีโดยทั่วไป ( ยังไงก็ไปอ่านของพี่foolmoonด้วยนะคับ )
***. ใครที่ตั้งใจจะเป็นพนักงานตัดต่อถามตัวคุณเองก่อนว่า 
     - เป็นคน...รักความสบาย ...ชอบอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน 
    - ไม่ชอบลำบาก               ....เพราะไม่ต้องตากแดด แบกของให้มือด้าน  
    - .ชอบคุยกับตัวเอง.        .....ทำงานคนเดียว คุยกับจอคอมฯ
   -  ไม่เป็นโรคสมาธิสั้น.      .... เพราะต้องทำงานนานๆ เวลาที่ได้ฟิวหรือได้อารมณ์ 
   -  .มีความคิดสร้างสรรค์   ....ชอบคิด ชอบขุดคุ้ย ชอบดูทีวี 
    .... พนักงานตัดต่อ วันๆจะนั่งอยู่หน้าคอม ในห้องสี่เหลี่ยม  อย่างที่เขาเรียก ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ถ้าเป็นบริษํทก็คือ ตอนเย็น น้องๆออฟฟิศก็จะมากล่าวลาสวัสดี
   " พี่ขา หนูกลับแล้วค่ะ".. เวลาผ่านไปแค่ 2 ลมหายใจเข้าออก เวลาได้อารมณ์ทำงาน... น้องออฟฟิศก็เปิดประตู.... " พี่ขา สวัสดีตอนเช้า..มาแล้วค่ะ.."
          ถ้าใครชอบบรรยากาศในการทำงานแบบนี้ รับรองว่า ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพแน่ๆ..
***. ใครที่คิดไม่ตกว่า ตัวเองกำลังเดินไปทางสายไหนอยากให้ทำงานด้านตัดต่อไว้ก่อน เพราะจะเป็นฐานในการปูพื้นไปสู่ทางเดินอื่นๆได้หลากหลาย 
น้องใหม่บางคนเพิ่งจบมา ก็ตั้งทีมรับงานกันเองในกลุ่มเล็กๆ ( ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย..โดยส่วนตัว ) ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินนะ เพราะงานที่คุณทำอาจได้มาเพราะผู้ใหญ่
สนับสนุน หรือให้โอกาสในการทำงาน เพียงแต่ผมอยากให้น้องใหม่หาประสบการณ์ในการทำงานก่อน ให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมในวงการว่า จริงๆเขาทำงานอย่างไร 
วิถีทางเดินของคนในสายอาชีพนี้ การพูดคุยกับลูกค้า การรับงาน การปิดงาน  ฯลฯ หรือจะทำงานประจำควบคู่ไปกับงานที่เราอยากทำกับเพื่อนๆในตอนเย็นร่วมกันไปก่อน
หรือทำในวันหยุดก็ยังได้ และเมื่อคุณเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนอิ่มเต็มตัว แล้วค่อยหันกลับมาทำงานให้กับตัวเอง  เหตุผลที่ผมไม่เห็นด้วยก็เพราะการที่ได้ผู้ใหญ่สนับสนุน
 ในวันนี้  แต่ในวันข้างหน้า วันใดที่คุณจำต้องเดินออกมารับงานภายนอกเอง ฐานที่ไม่แน่นอาจทำให้คุณบาดเจ็บในโลกแห่งความเป็นจริงได้..
 ....สำหรับงานตัดต่อที่มีลูกค้า หรือโปรดิวเซอร์มาคุมงาน คนตัดต่อสบายคับ ไม่ต้องใช้สมองเท่าไหร่ ทำตามที่เขาคำสั่งเท่านั้นก็พอ แต่ที่มีปัญหาที่สุดคือ
  การตัดต่องานด้วยตัวเอง เพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีใครบอก ( ..แต่วันนี้ เราจะเป็นคนบอกคุณเองถึงวิธีการตัดต่อ ทีละขั้นๆ เน้นสไตล์ส่วนตัวนะคับ..)
1. ศึกษาเครื่องมือพวกเอฟเฟคแต่ละตัว ว่ามีคุณสมบัติที่ดีและมีข้อจำกัดอย่างไร จดใส่สมุดไว้ก็ได้ เช่น เอฟเฟคตัวนี้ใช้กับบรรยากาศตื่นเต้น แบบวัยรุ่น แบบโรเมนติก ฯลฯ
    อย่างลูกค้าบอก อยากได้สารคดีสวยใส แนวปรัชญา ไม่มีหรอกคับ ไม่ต้องหาเอฟเฟคชื่อปรัชญา หรือฟิลเตอร์แนวสวยใส คุณต้องสร้างขึ้นเองใหม่ทั้งหมด
    ฉนั้น ถ้าไม่เข้าใจ เอฟเฟค-ฟิลเตอร์หรือข้อดีข้อเสียของเครื่อง การทำงานก็จะยากเพราะขนาดคนที่รู้อย่างทะลุ บางทียังต้องทำเป็นวันจึงจะได้อารมณ์ภาพที่ต้องการ..
2. ดูงานฟุตเตสทั้งหมดของเทปที่ถ่ายมา และจำให้ได้ทั้งหมด ( ถูกต้องคับ จำให้ได้ทั้งหมด ) จะด้วยความสามารถที่คุณมี หรือจะหาตัวช่วยจดใส่สมุด หรือจะแบ่งเป็น
    ก้อนงานแต่ละประเภทในคอม ก็ตามแต่ จุดประสงค์คือ เมื่อนั่งตัดกับลูกค้า เขาจะเป็นคนคอยบอกว่าเอาภาพนั้นออก เอาภาพนี้ใส่ ถ้าคุณจำไม่ได้ว่าอยู่ม้วนไหน ตอนไหน 
    จะใส่ภาพแต่ละครั้งต้องหาหมดทุกคอลัมน์ เสียเวลา และเสียอารมณ์มาก ( คนตัดต่อหลายคนที่จำฟุตไม่ได้แย่นะคับ ) ฉนั้น ถ้าเนื้องานเยอะจำไม่ไหว ก็จดใส่สมุดไว้
    เวลาลูกค้าต้องการก็เปิดหาได้ง่าย..
3. แยกภาพที่สวยที่สุดในสายตาคุณ ( แสงสวย แอ๊คชั่นสวย มุมสวย ) หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณคิดว่าเด่นกว่าซีนอื่นๆ จะแยกออกมาไว้รวมต่างหาก หรือจะจำไว้ก็ได้
    เพราะส่วนมากภาพสวยจะใช้ ตอนเริ่มต้นไตเติ้ลเปิดเรื่อง กับตอนจบ ( เลือกก่อนเพื่อภาพจะได้ไม่ซำ้ในเนื้องาน )..
4 ดูเวลากำหนดส่งงาน สำคัญนะคับ เช่น ประมาณว่า 3 วันส่งงาน นั่นหมายความว่า 2 วันต้องเสร็จ ไว้วันที่ 3 ปรับแก้อีกครั้งให้เนียนขึ้น..แต่ถ้าเกิดเราใช้เวลามากเกินไป
    จนไม่มีเวลาปรับเปลี่ยน ก็ไม่เป็นไร ส่งงานแบบลวกๆให้ลูกค้าไปดูก่อน ( มีให้ดูดีกว่าไม่มีให้ดู )เพื่อจะได้รวบรวมมาแก้ไขขั้นตอนสุดท้าย พร้อมกันเลยก็ได้..
5. ดูอารมณ์ของเนื้องานทั้งหมด ที่ช่างภาพถ่ายมาแบบนี้ก็เพื่อให้เราตัดออกมาแบบนี้ใช่หรือไม่ เช่น ตื่นเต้น หรือธรรมดา หรือวัยรุ่นแบบกล้องเหวี่ยงกระชาก
    ถ้าได้พูดคุยกับเจ้าของงานก็ดี จะได้ชัดเจนและใกล้เคียงความจริง ดีกว่ามานั่งเดาผิดๆถูกๆ ( บางครั้งแก้งานเสียเวลามากกว่าตัดใหม่อีกนะ ) ถ้าไม่แน่ใจให้รักษาชีวิต
    ตัวเองด้วยการตัดต่อแนวกลางๆไว้ อย่าตื่นเต้นสุดโต่ง และราบเรียบจนน่าเบื่ออยากหลับ( ยกเว้นลูกค้าเจาะจงมาว่าอยากได้แบบนี้ )..
6. ตัดเฉพาะเนื้อหาที่ดิ้นไม่ได้ก่อนเป็นอันดับแรก เช่น บทพูดถึง...การปั้นกระถางต้นไม้เริ่มจากนำเดินมาทุบ มาบดผสมเข้ากับทราย แล้วนำไปวางบนแกนไม้หมุน
    การตัดส่วนนี้คือ การเลือกภาพให้ตรงกับบทที่เขาเขียนให้ครบ การถ่ายสารคดีบางครั้ง ช่างภาพอาจถ่ายมามากเกินความต้องการ หลายมุม หลายบรรยากาศ
   แต่อารมณ์เดียวกัน หน้าที่ของคนตัดต่อคือ ควรต้องใช้ให้ครบทุกช็อตที่ช่างภาพถ่ายมา จะสั้นยาวมากน้อยไม่สำคัญ แต่ต้องใช้ทุกช็อต ถ้าใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น
   ไม่ได้นะคับ เพราะเกิดช่างภาพมาดูแล้วเห็นงานของเขาที่ถ่ายมาตั้งเยอะ แต่ใช้ไม่หมด เขาถือว่าไม่ให้เกียรติช่างภาพ ( สำคัญนะคับ คนในวงการเขาถือมากๆ )..
 7. ตัดเนื้อหาเฉพาะหมดแล้วที่เหลือตัดมั่วเลยคับ ในกรณีบทที่ดิ้นได้ เช่น หมู่บ้านเกาะเกร็ดเป็นหมู่บ้านชุมชนมอญที่ยังคงรักษาขนมธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้
     ไม่เปลี่ยนแปลง จากรุ่นก่อนสู่รุ่นปัจจุบัน จะสังเกตุว่าบทพูดทั่วๆไป อารมณ์แบบนี้จะใช้ภาพอะไรก็ได้ไม่ผิดกติกา วิวรอบเกาะ หรือวิถีชีวิตของชาวบ้าน ประเพณี 
     ศิลปะวัฒนธรรมใช้ได้หมด ในกรณีนี้คุณมีความคิดเห็นส่วนตัวอย่างไรตัดมั่วไปก่อน เมื่อนำมารวมกับบทที่เป็นเฉพาะคุณจะมองเห็นแกนทันทีเลยว่า ภาพของบทที่ดิ้นได้
     ที่คุณใส่เข้าไปตอนหลัง มันไปไม่ได้กับส่วนใหญ่ของเรื่อง ก็ค่อยเปลี่ยนไม่เป็นปัญหา แต่บางครั้งการลองผิดลองถูก เราอาจได้งานที่ดีกว่าที่เราคิดก็ได้นะคับ..
     เห็นบางคนเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า เอาภาพนั้นสวยกว่า เอานี่ซิดีกว่า หาเทปไปมาหมดเวลาไปหลาย ชม.ยังไม่ไปไหน ลองใช้สไตล์ผมตัดเลยไม่ต้องคิด ไม่ดีแก้ใหม่ได้..
8. สุดท้ายปรับเช็คอีกครั้ง มองดูงานโดยรวมทั้งหมดว่า ส่วนเด่นของเรื่องเด่นพอหรือยัง  ช่วงเนื้อหาธรรมดาน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า เพิ่มเอฟเฟคให้งานน่าสนใจขึ้นได้ไม๊
    พยายามตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า " ทำให้ดีกว่าที่เราทำครั้งก่อนได้ไม๊ "  คิดแล้วลงมือทำเลย ถ้าทำแล้วดูไม่ดีกว่าของเดิม ค่อยปรับเป็นอย่างเดิม
    หรือจะเพิ่มแรงกดดันให้กับตัวเรามากขึ้นก็ได้ ..." เคยด่างานคนอื่นมาเยอะ ไม่อยากให้คนอื่นมาด่างานของเรา ฉนั้นต้องทำให้ดี และดีที่สุดกว่างานของคนอื่น " 
 ....การตัดต่อ อย่างที่พี่ๆในเว็บบอกคือ เหมือนพ่อครัวปรุงอาหาร ถ้าพ่อครัวได้อาหารที่เป็นวัตถุดิบมีคุณภาพ ( ภาพที่ช่างภาพถ่ายมาดี ) บวกับฝีมือในการปรุงอาหาร
    ของพ่อครัวที่ดีเลิศ ( ฝีมือการตัดต่อดี ) ที่รู้ว่าควรใช้เครื่องปรุงอะไร ( ใช้เอฟเฟคอะไร ) จึงจะดึงรสเด่นของอาหารนั้นให้น่าทาน ( ให้สารคดีเรื่องนั้นน่าสนใจมีคุณภาพ )
    แต่ถ้าวัตถุดิบมีปัญหาเช่นเน่าเสีย ( ช่างภาพถ่ายภาพออกมาไม่ดี ) พ่อครัวก็ต้องพยายามเปลี่ยนแปลง ( ตัดต่อเรียบเรียงใหม่ ) เพิ่มเติมรสชาติใหม่ ( ผสมเอฟเฟค )
    เพื่อให้รสชาติของอาหารออกมาดีจนน่าตกใจ ( ให้งานสารคดีออกมาดีจนไม่รู้ว่าถ่ายมาเสีย )
... การตัดต่อ จริงๆแล้วไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้ขายงาน ( ฝ่ายผลิต ) และความพอใจของผู้ซื้องาน ( ฝ่ายลูกค้า ) เพียง 2 ฝ่ายเท่านั้น ความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละคน
     ไม่เหมือนกันทุกคน แต่อาจคล้ายกันได้ ประสบการณ์ ทักษะ ที่เพิ่มพูนมากขึ้นทุกวันในการทำงาน  คุณสามารถนำมาปรับใช้และผลักดันให้ก้าวขึ้นมายืนอยู่แนวหน้าได้
     ขึ้นอยู่กับคุณ... ว่าจะมีความสามารถพลิกแพลง ...ปรับเปลี่ยนนำมาใช้ได้หลากหลาย ...มากน้อยเพียงใด ..( จริงๆแล้ว ไม่ว่าคุณจะตัดแนวไหน หลักก็คล้ายกันหมดล่ะคับ )
  ...อย่างไรก็ตาม ผมอยากฝากถึงน้องใหม่ในอาชีพนี้ว่าในวันข้างหน้าเมื่อคุณประสบความสำเร็จไม่อยากให้คุณลืมคนที่คอยเป็นแรงผลักดันให้คุณอยู่เบื้องหลังนั่นก็คือ 
คนใกล้ตัวที่สุดของคุณ...ไม่ว่าจะเป็น...คนรัก... หรือครอบครัว ....หรือคนที่พยายามเข้าใจงานของคุณ( เข้าใจอย่างเดียวไม่พอต้องทำใจยอมรับด้วย)
...เข้าใจว่า....คุณไปถ่ายทำต่างจังหวัดนานหลายวัน    .  ......ทำใจยอมรับว่าไม่ได้เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์
...เข้าใจว่า....วันหยุดคือวันทำงานของคุณ                      ......ทำใจยอมรับว่าไปเที่ยวด้วยกันเหมือนคู่รักคนอื่นๆไม่ได้ 
...เข้าใจว่า....คุณทำงานไม่เป็นเวลา                             ...  ...ทำใจยอมรับว่าบางครั้งก็ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้
...หลายครอบครัวที่ทิ้งคนข้างหลังเหล่านี้  ทั้งๆที่เขาพยายามเข้าใจในงานอาชีพของคุณแต่อาจทำใจยอมรับพฤติกรรมการทำงานของคุณไม่ได้...
...อยากให้คุณเข้าใจความรู้สึก..ความเหงา..ความว้าเหว่..ของคนข้างหลังที่จะต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง...ในเวลาที่คุณไม่อยู่หรือ...ในเวลาที่เขาต้องการคุณ.......การแข่งขันก็เหมือนกับการปีนเขาเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงหลายครั้งที่เราตั้งใจและทุ่มเทกำลังกายของเราอย่างสุดความสามารถเพื่อขึ้นไปยืนจุดที่เราฝัน.....และเมื่อถึงวันนั้น ( วันที่คุณได้ขึ้นไปยืนบนยอดเขาจริงๆ ).คือ.วันที่คุณมีชื่อเสียง( ไปไหนใครก็อยากรู้จัก) ... และมีเงินทองมากขึ้น( ใครๆก็อยากจ้างคุณทำงาน).. แต่จะมีประโยชน์อะไร..เมื่อคุุณต้องขึ้นไปยืนอยู่ลำพังเพียงคนเดียว..( โดยไม่มีครอบครัวและคนที่คุณรัก )...อยู่เคียงข้าง...กลับกันถ้าเราต้องการขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อแข่งขันกับคนอื่นเหมือนเดิมแต่เราไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป เดินไปคุยไป  ประคองคู่ไปกับครอบครัวหรือคนที่เรารัก เราอาจหยุดเดินเพื่อชมดอกไม้ ( โดนบังคับให้ไปเที่ยวด้วยกัน ) หรือนั่งเงียบๆชมพระอาทิตย์ตกดินระหว่างทาง ( ไม่ให้รับงาน แม้งานนั้นคือโอกาสทองของเรา ) เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม     เมื่อเราออกเดิน...จุดหมายที่เราฝันคงต้องถึงสักวันอาจช้าหน่อยไม่เป็นไร .(.ยังไม่มีชื่อเสียง ไปไหนไม่มีใครรู้จัก รายได้จากการทำงานน้อย .)..แต่เรามีความสุข ...เราอบอุ่น ...ที่มีคนคอยฟังเรื่องราวดีๆที่เราไปเจอมา ...และคอยชื่นชมให้กำลังใจกับผลงานของเรา ( แม้จะไม่มีใครชอบเลยก็ตาม )..
...ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม เราอยากให้คุณคิดถึงครอบครัวก่อน.....

[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2011-05-21 16:58 ]
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 6 คะแนน ความดี +270 ซ่อน
adisakfc ความดี +50 2015-02-23 -
sirsit ความดี +1 2013-05-14 -
bryan ความดี +9 2011-10-24 เยี่ยมไปเลยครับ
komedit ความดี +100 2011-05-30 -
happydongy ความดี +100 2011-05-19 แสบตา แต่ได้สาระ
focus ความดี +10 2011-05-19 สาระล้วนๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
433
เงิน
8384
ความดี
6330
เครดิต
6526
จิตพิสัย
9379
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วได้ความรู้มากกเลยครับผม
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
433
เงิน
8384
ความดี
6330
เครดิต
6526
จิตพิสัย
9379
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วได้ความรู้มากกเลยครับผม
ระดับ : สมาชิก VII
โพสต์
585
เงิน
16710
ความดี
13655
เครดิต
14351
จิตพิสัย
14629
จังหวัด
ชัยภูมิ
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
395
เงิน
8999
ความดี
6299
เครดิต
6477
จิตพิสัย
8523
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
อยากทราบมานานแล้ว ครับ ว่าการตัดต่อเค้า เริ่มต้นกันที่ตรงไหนก่อน-หลัง  ขอบคุณมากครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
302
เงิน
6415
ความดี
4254
เครดิต
4505
จิตพิสัย
5098
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
อ่านแล้ว..อยากเลิก...55
โพสต์
1858
เงิน
56103
ความดี
46498
เครดิต
51231
จิตพิสัย
52476
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19

เป็นประโยชน์ทั้งมือใหม่และมือเก่าครับ...
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
95
เงิน
2551
ความดี
2185
เครดิต
2154
จิตพิสัย
2714
จังหวัด
ตราด
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ขอบคุณครับ
โพสต์
1036
เงิน
21774
ความดี
14792
เครดิต
14177
จิตพิสัย
24522
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ชอบตรงตัดมั่วไปก่อน และ จำฟุตเทตให้ได้ทั้งหมดนี่ล่ะ
โพสต์
1099
เงิน
24442
ความดี
20956
เครดิต
21442
จิตพิสัย
21252
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ได้ประโยชน์ ขอบคุณครับ
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
44
เงิน
1075
ความดี
905
เครดิต
912
จิตพิสัย
1041
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 10#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
ตัวตนเลยครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
460
เงิน
16242
ความดี
7641
เครดิต
7804
จิตพิสัย
10591
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 11#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
ทุกวันนี้ผมจำอะไรไม่ค่อยจะได้ สงสัยสมองไปเก็บความจำFootageไว้ซะเยอะ มันแย่ที่บางทีอยากลบก็ลบไม่ได้
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
59
เงิน
3444
ความดี
2959
เครดิต
3005
จิตพิสัย
2820
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 12#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
เหมือนสิ่งเตือนใจครับ ขอบคุณมากครับ
โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 13#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-21
ผมจะขอลองยกตัวอย่างถึงแนวคิดในการมองงาน ตั้งแต่เริ่มจนจบคร่าวๆ พอให้นึกออกถึงการทำงาน .ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้น
หรือ อื่นๆ จะมีงานที่ถ่ายมาอยู่ 2 ส่วน คือ งานที่เป็นภาพเฉพาะ กับภาพทั่วๆไป ....สมมติ งานแต่งงานแล้วกัน ...
.1.....เริ่มต้น...จะดูงานฟุตที่ถ่ายมาทั้งหมด ว่ามีภาพสวยตรงไหน ไม่สวยตรงไหน จำไว้ให้หมด
เพราะบางทีเป็นสต๊อกเขาถ่ายข้ามไปข้ามมา ไม่เยอะก็จำเอา ถ้าจำไม่ได้ก็จด หรือจะแยกเป็นส่วนๆไว้...
.2.....เริ่มตัดส่วนเฉพาะก่อน ( คือส่วนดิ้นไม่ได้ ) ช่วงสัมภาษณ์ พูดคุย ของแต่ละคน / และของทั้ง 2 คน
ของเพื่อน / ของพ่อแม่ /.ช่วงนี้ยังไม่คำนึงถึงอารมณ์ของงาน ตัดเฉาะส่วนเสียออกก่อน ที่เขาพูดผิดๆถูกๆ
ออกมาเป็นก้อนๆ พูดง่ายๆก็คือตัดคร่าวๆออกมาก่อน ..( เมื่อตัดส่วนเสียออก ภาพจะกระตุก เสียงสะดุดไม่สนใจ )
3.....ขั้นต่อไปนี้เริ่มสำคัญแล้ว ตั้งสมาธิในการทำงานหน่อย ...(ปิดเสียงโทรศัพท์และเมล์ด้วย )
ดูงานก้อนทั้งหมดโดยรวมว่าเป็นอย่างไร ( ส่วนนี้จะเป็นส่วนกำหนดแกนของแต่ละเรื่องว่าจะไปในทิศทางไหน )
เช่น งานนี้ดูออกมาแล้ว คู่บ่าวสาวพูดคุยสนุก สัมภาษณ์ไปหยอกล้อไป แอ๊คชั่นน่ารักท้งคู่ ดูไปอมยิ้มไป
เปิดดูแล้วดูอีกก็ไม่น่าเบื่อ ถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับว่าเราได้แกนของเรื่องมาแล้ว..
.....คิดต่อว่า จะทำให้งานในส่วนทั้งหมด (ช่วงสัมภาษณ์ ) นี้เด่นขึ้นได้อีกไม๊ เช่น..
.**....เอาอารมณ์ของแต่ละเหตุการณ์ที่เหมือนกันมาต่อรวมกัน หรือจะตรงข้ามกัน..
... ช่วงบ่าวสาวพูดถึงพ่อแม่ช่วงอินร้องไห้สลับภาพให้เค้กพ่อแม่ต่ออารมณ์ด้วยพ่อแม่พูดบนเวทีในงาน( พ่อแม่ร้องไห้ด้วยโอ๋ยสุดยอด )
....ช่วงบ่าวสาวพูดคุยหยอกล้อน่ารัก สลับด้วยภาพคู่ที่ถ่ายสต๊อกน่ารักๆ..
4. ...ให้ทำสลับแบบนี้ไปทั้งหมด ช่วงของก้อนสัมภาษณ์ก่อน ว่าทั้งหมดโดยรวมแล้วไปกันได้ไม๊ หรือน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า
หรือเอียนจนอ๊วกไปไม๊ เปิดดู 2-3 รอบแล้วดูอารมณ์ของก้อนนั้น ถ้ารู้สึกเนื้อหาแน่นไป ก็สลับยืดบางช่วงใส่เพลงมิวสิคให้หลวมหน่อย
แต่ต้องไปด้วยกันได้ในแต่ละช่วง เช่นคู่บ่าวสาวพูดถึงตัวเอง ก็ภาพทั้งสองใส่คลอเพลง พูดถึงพ่อแม่ ก็ช่วงพ่อแม่อาจเป็นตอนเด็ก
ถ้าใส่แล้วยังอ๊วกอยู่ ก็ให้ยืดบางช่วงทิ้งให้นานขึ้น เช่นเอาไปไว้หัวเทป และอีกส่วนเอาไว้ท้ายเทป ถ้าดูรวมๆแล้วโอก็แสดงว่าไปต่อได้
5.    เมื่อได้ตัวเนื้อทั้งหมดแล้ว ค่อยมาปรับช่วงเริ่มกับช่วงจบ ให้นำภาพสวยๆที่แยกไว้ต่างหากมาใช้ให้หมดคลอเป็นเพลง
ผสมไปกับส่วนสัมภาษณ์ที่แยกออกมาเป็นก้อน และสลับเสริมไปเรื่อยๆ ให้ทุกอย่างไปตามอารมณ์รวมเป็นก้อนเดียวกัน
6....ทำเสร็จหมดดูอีกครั้งว่า ภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาใช้หมดทุกช็อตแล้วหรือยัง ( ต้องใช้ให้หมดเดี๋ยวช่างภาพมาดูจะว่าเอา )
ถ้าเหลือเยอะก็แทรกลงในช่วงสัมภาษณ์มีเฉพาะเสียงก็ได้ หรือตัดภาพอื่นให้สั้นลงแล้วแทรกภาพที่เหลือลงไปให้หมด
7....สุดท้ายยังไม่หมด เมื่อตรวจดูภาพและอารมณ์ของเนื้อเรื่องลงตัวหมดแล้ว ทีนี้ถึงใส่ตัวตนเราลงไป เขาเรียกสไตล์ของใครของมัน
ลูกค้าดูปั๊บว่าเป็นงานของเรา  เช่น ..กัดสีภาพบางช่วง หรือทั้งหมด / สโลว์ภาพช่วงต้นและช่วงจบให้แตกต่างกับในเนื้อ
/ ใส่ตัวหนังสือล้อเลียนหรือสลับเป็นช่วงๆ/ ฟรีซภาพน่ารักๆนิ่งสลับไม่ให้เบื่อ / ช่วงที่แน่นให้ยืดใส่เพลง..ฯลฯ..( สไตล์ส่วนตัวนะคับ )
..ที่เล่ามาเป็นแบบฉบับตัดโดยทั่วไป ถ้าภาพที่ถ่ายมาสวย หรือ ถ้าเป็นละครก็ดูเหมือนจริง พวกนี้ตัดสนุกคับ ทำยังไง ตัดแบบไหน
ก็ออกมาดูดี แต่จะมีปัญหาก็คือ ถ่ายมาเสีย แล้วละครที่เล่นไม่เหมือนจริง เช่น ถ่ายหนุ่มสาวรักกันเที่ยวแบบมีความสุข ตอนถ่ายโอ๊ย
หวานจะกลืนกินกลายเป็นคนเดียวกัน แต่พอมาถึงห้องตัดต่อ โหย..ปล่อยผ่านมาได้ไงวะ...หรือบ่าวสาวไม่พูด ถามคำตอบคำ
หัวเราะก็หนีบๆ ดูยังไงก็ไม่รักกันสักที ( ถูกบังคับให้ถ่าย )อันนี้ล่ะ คนตัดต่อต้องบอกงานเข้าแล้วคับ..เพราะต้องใช้วิชาประสบการณ์
ที่มีทั้งหมดในชีวิตคุณ มาปรับใช้ให้หมดทุกกระบวนท่า..เช่น เปลี่ยนแกนของเรื่องจากพูดคุยมาเป็นภาพเหตุการณ์จริง หรือ
ใช้ภาพนิ่งมาเป็นหลักแล้วพ่วงไปกับสัมภาษณ์ / สโลว์พร้อมใส่ฟุ้งเหมือนฝันเพิ่มเอฟเฟคดวงดาวหัวใจล้อม ฯลฯ..
..สรุป...การตัดต่อไม่อยากให้ยึดหลักที่เขียนขึ้นหรือวางโครงไว้แล้ว เพราะงานที่นึกไว้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงพอถ่ายทอดออกมา
เป็นภาพแล้วไปกันคนละทาง ให้ยึดแนวที่บอกตัดส่วนที่ดิ้นไม่ได้ ( ช่วงสัมภาษณ์หรือช่วงเนื้อละครโต้ตอบ ) เมื่อได้ส่วนนี้แล้วค่อยดู
ให้ละเอียดอีกครั้้งว่าแกนของเรื่องที่พูดคุยกันรู้เรื่องไม๊ ถ้าไม่รู้เรื่องลองตัดส่วนที่ดิ้นได้ ช่วงอารมณ์อื่นๆเสริมด้วยเพลง ด้วยภาพ
เรื่องไม่เด่นพอ แฟลชแบ็คย้อนเหตุการณ์ซำ้สองเพิ่ม  คิดอย่างไรตัดมั่วไปก่อน แล้วดูอีก ทดลองทำหลายๆแบบ ทุกวิธีแล้วไม่ได้ผล
ยังดูไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม ก็ต้องถ่ายเพิ่มแล้วคับ อย่าทู่ซี้ ถ้าแกนหลักของเรื่องไม่รู้เรื่อง ทำต่อไปยิ่งเละไม่รู้เรื่อง ..
..สำหรับผุ้เริ่มต้นตัดอาจเสียเวลากับการลองหลายแบบ แต่พอบ่มเพาะประสบการณ์จนเต็มที่แล้ว การลองจะเหลือน้อยวิธีลงเพราะ
จะเริ่มมองงานออกว่า ตัดแบบไหนดีไม่ดีเพราะอะไร ( ลองตัดมาหมดแล้ว ) แต่อย่างไรก็ตาม..ทุกวันนี้ พี่ๆคนเก่งก็ยังคงต้องลอง
หลายๆแบบหมือนกัน...หัวใจสำคัญของการตัดต่อ คือถามตัวเองทุกครั้งที่ตามองภาพ และมือเคลื่อนเมาส์ว่า ( 8 คำ จำจงดี )
....." ทำให้ดีกว่านี้ อีกได้ไม๊ " ... แค่นี้เอง ตัดต่อง่ายจะตาย ใครว่ายาก..




....
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
12
เงิน
698
ความดี
226
เครดิต
143
จิตพิสัย
445
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 14#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-24
อ่านแล้วได้ความรู้จัง แต่เนื้อหาเยอะมาก ปวดตาเลย
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้